การดูแลสุขภาพด้วย...ภูมิคุ้มกันบำบัด



ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) คือ การใช้ร่ายกายของตนเองมาทำการรักษาตนเองทั้งนี้เพราะ โดย ปกติแล้ว หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ของคนเรา ระบบภูมิคุ้มกันของร่ายกายซึ่งได้แก่ "เม็ดเลือดขาว" จะทำหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอม, เชื้อโรค, สารพิษ และของเสีย รวมไปถึงช่วยกำจัด เศษเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลายตามธรรมชาติ หรือเซลล์ที่ผิดปกติของร่างกายซึ่งนักภูมิคุ้มกันวิทยาได้ใช้ความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องนี้ พัฒนาต่อยอดจนมี "ศาสตร์ภูมิคุ้มกันบำบัด" เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากมีความเข้าในอย่างลึกซึ้งว่าองค์ประกอบของพืชชนิดใดมีประโยชน์อย่างไร และสามารถสกัดนำ องค์ประกอบ จากพืชแต่ละชนิดนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็จะนำไปสู่การผสมองค์ประกอบอาหารเหล่านี้ที่ ช่วยไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้สร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุลขึ้นได้


โดยเฉพาะภัยเงียบอันดับ 1 อย่าง โรคมะเร็ง ไม่ใช่แค่เพียงความเจ็บป่วยที่ได้รับจากโรคเท่านั้นที่เปลี่ยน ชีวิตคุณ แต่ยังต้องทนทรมานกับการรับยา เคมีทั้งหลาย ที่มาพร้อมกับผลข้างเคียงอันไม่อยากจดจำด้วย วิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ และการมองข้ามสุขภาพ ของตัวเอง การทานอาหารที่เต็มไปด้วยแป้ง ไขมัน และน้ำตาล นำไปสู่การเป็น โรคเบาหวาน จนแทบกลายเป็นโรคคุ้นหูที่ใครๆ ก็เป็นได้ ส่วนผลกระทบในระยะ ยาวที่ตามมาคือการที่ระบบภายในร่างกายถูกบ่อน ทำลายจาก อาการ ของโรคอย่างเงียบๆ และจากยาที่ต้อง กินทุกวันในระยะยาว แน่นอนว่าโรคนี้ไม่มีทางหายขาด นำไปสู่โรคข้างเคียงอื่นๆ ตามมาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ และโรคความดัน เป็นต้น

1. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล มะเร็ง
มะเร็ง คือ กลุ่มของโรคที่เซลล์เจริญ (แบ่งตัว) อย่างผิดปกติ การที่เซลล์เปลี่ยนสภาพไปจากปกติจึงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของร่างกายในเรื่องวัฏจักรการแบ่งตัว ทำให้เกิดการรุกรานเนื้อเยื่อข้างเคียง หรืออาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย ซึ่งแตกต่างจากเนื้องอกธรรมดาที่ไม่รุกราน หรือแพร่กระจาย และขนาดจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  มะเร็งมีสาเหตุมาจากยีนซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ผิดปกติไป โดยอาจเป็นผลมาจากสารก่อมะเร็งเช่น ยาสูบ ควัน รังสี สารเคมี หรือเชื้อโรค นอกจากนี้ความอ้วนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งมดลูก มะเร็งหลอดอาหารมะเร็งลำไส้ มะเร็งที่ไต มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งทรวงอก มะเร็งไขกระดูก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น และมะเร็งรังไข่ จากสถิติของผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยเมื่อจำแนกตามเพศพบว่า เพศชายเสียชีวิตจากมะเร็งปอดมากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งตับ ส่วนเพศหญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด รองลงมาคือ มะเร็งเต้านม โดยปกติมะเร็งทุกชนิดมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ ยกเว้นมะเร็งเม็ดเลือดขาว นักภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่าการกระตุ้นประสิทธิภาพของ Th1,Th9 และ Th17 ให้มากขึ้น จะทำให้เม็ดเลือดขาวเพชฌฆาตสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้รวดเร็วขึ้น 
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยและพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และ บัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหาร ที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ แล้วว่าสามารถกระตุ้นการทำงานของ Th1,Th9 ได้ชัดเจน และกระตุ้น Th17 เพิ่มขึ้นได้หลายเท่า และแพทย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า สารเสริมประสิทธิภาพนี้สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่ไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัดแล้วอย่างน้อย 2 สูตรได้อย่างปลอดภัยและไร้ผลข้างเคียง 
ตั้งแต่ปี 2008 ผู้ป่วยมะเร็งนับพันรายที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ในการเพิ่มภูมิคุ้มกันแล้วสามารถเพิ่มชีวิตให้กับเวลา เพิ่มเวลาให้กับชีวิตและเนรมิตชีวิตใหม่อย่างน่าพึงพอใจ 

2. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล ข้อเสื่อม / ข้ออักเสบรูมาตอยด์
ข้อเสื่อม เกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อและมีกระดูกงอกอยู่ที่ขอบข้อ ซึ่งกระดูกอ่อนที่ผิวข้ออาจลอกหลุดออก ทำให้ข้อเคลื่อนไหวได้น้อยลง มีอาการปวดในข้อและข้อผิดรูปร่างส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงและรับน้ำหนักตัวไม่ไหว สาเหตุหลักของการเกิดข้อเสื่อมมักเป็นไปตามอายุ แต่อาจเป็นผลมาจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ และสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การใช้ข้อทำงานมากเกินไป หรือเป็นภายหลังจากการเกิดข้ออักเสบชนิดอื่นๆ แม้ว่าภาวะน้ำหนักตัวเกินไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคข้อเสื่อมโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ส่งเสริมให้เป็นมากขึ้น
อาการข้อเสื่อมมักเริ่มจากอาการปวดตอนเช้า หากเป็นมากจะรู้สึกปวดมากขึ้นในขณะออกกำลังกาย ขยับข้อได้น้อยลงเวลาขยับเกิดเสียงกระดูกเสียดสีกัน ข้อโตขึ้นเนื่องจากมีการสร้างกระดูกที่งอกบริเวณขอบข้อ เอ็นและเนื้อเยื่อหนาตัวขึ้นจนทำให้เกิดข้อผิดรูป กล้ามเนื้อรอบข้ออ่อนแรง เวลาเคลื่อนไหวจะทำให้ปวดมากขึ้น ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือมีการสูญเสียเนื้อกระดูกอ่อนผิวข้ออย่างมากจากการที่ถูกสลายโดยสารสื่อกลางบางอย่าง ดังนั้นการลดการอักเสบ ลดการสลายตัวและเพิ่มการสร้างกระดูกอ่อนจะช่วยลดอาการปวดข้อและทำให้ข้อทำงานได้ดีขึ้นในขณะที่ข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสร้างภูมิขึ้นมาต่อต้านเนื้อเยื่อบริเวณข้อ อาการระยะแรกจะปวดข้อ ข้อบวม โดยเฉพาะข้อนิ้วมือ และเป็นทั้งสองข้างพร้อมกัน ส่วนที่เท้ามักเป็นตรงข้อเท้า ถ้าอาการรุนแรงจะบวมมาก และกระดูกถูกทำลายจนมีการหงิกงอและพิการในที่สุด
ปัญหาเหล่านี้เกิดจากเม็ดเลือดขาวหลั่งสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบคือ IL-1β, TNF-α, IL-6 และ IL-17 มากเกินไป คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยและพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหารที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ แล้วว่าสามารถลดการหลั่งสาร TNF-α, IL-6 และ IL-17 ด้วยประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้สารสกัดทั้ง 5 ชนิดที่ผสมอยู่ในแคปซูล ยังสามารถเสริมสร้างคอลลาเจนและกระดูกอ่อนเมื่อมีการใช้ต่อเนื่องอีกด้วย

3. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล เบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือตัวรับอินซูลินที่ผิวเซลล์เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน อินซูลินเป็นสารที่ช่วยในการนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อสร้างเป็นพลังงาน ดังนั้นในผู้ที่เป็นเบาหวาน จึงมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และอินซูลินไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปกติ นอกจากนี้ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมากเป็นเวลานานๆ จะส่งผลให้เกิดการทำลายหลอดเลือด และระบบประสาทส่วนปลาย และถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะแทรกซ้อนทางสายตา ภาวะแทรกซ้อนทางไตหรือแผลเรื้อรังจากเบาหวาน เป็นต้น
ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, IFN-γ  และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุล โดย TNF-α และ IFN-γ จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้ สร้างอินซูลินได้น้อยลง (เบาหวานชนิดที่ 1)  และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์ (เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จะทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหารที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ แล้วว่าสามารถลดการหลั่งสาร TNF-α , IFN -γ  และ IL-17 ด้วยประสิทธิภาพสูง

4. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล ดูแลสุขภาพตา
ปัญหาของตา เกิดจากเนื้อเยื่อของตาเสื่อมตามธรรมชาติ เช่น วุ้นตาเสื่อม สายตายาว ต้อกระจก ต้อหิน ม่านตาอักเสบ จอประสาทตาเสื่อม และเกิดจากอาการแพ้ภูมิตัวเอง เช่น เบาหวานขึ้นตา พังผืดที่ตา นักภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่าอาการเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการสร้างสารจากเม็ดเลือดขาวที่ก่อการอักเสบ (Proinflammatory cytokines) มากเกินไป เช่น IL-1 beta, IL-6, IL-17, TNF-alpha และ IFN-gamma
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยและพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารสกัดมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และ บัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหารที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ แล้วว่าภายใน 15 วัน ลด IL-1 Beta(6%) IL-6 (27%), IL-17 (45%) TNF-alpha (93%) และ IFN-gamma (10%) จากนั้นนำสูตรที่ได้นี้ไปพัฒนาต่อจนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีก

5. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล ภูมิแพ้อากาศ
ภูมิแพ้อากาศ เกิดจากภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีน หรือสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งปกติไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้อื่น แต่เมื่อร่างกายเราได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไป กลับเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารฮีสตามินขึ้นที่เนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ปอด จมูกทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการภูมิแพ้ที่แสดงออกมามีความแตกต่างกัน ขึ้นกับว่าเกิดที่อวัยวะ หรือส่วนใดของร่างกาย เช่น คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหืดหรือบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต  ภูมิแพ้อากาศอาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ การสัมผัสควันบุหรี่ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ สะเก็ดรังแคสัตว์ การใช้ยาปฏิชีวนะและการติดเชื้อไวรัสในวัยเด็ก เป็นต้น
นักภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่า อาการภูมิแพ้อากาศเกิดจากเม็ดเลือดขาว Th2 หลั่งสารภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนเกินความสมดุล โดยเฉพาะสาร Interleukin 5 แต่สามารถลดลงได้โดยการกระตุ้นด้วยเม็ดเลือดขาว Th1และเม็ดเลือดขาว Treg ให้มากขึ้น อาการภูมิแพ้ก็จะลดลง
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบกจนได้แคปซูลเสริมอาหารที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์แล้วว่าสามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1 และเม็ดเลือดขาว Treg ให้มากขึ้น ได้ชัดเจน 

6. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล กระเพาะ และกรดไหลย้อน
โรคกระเพาะอาหาร หมายถึง ภาวะมีแผลที่เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป เยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอและมีเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ซึ่งหลั่งสารพิษออกมาทำให้เกิดแผลเรื้อรังขึ้น
โรคกรดไหลย้อน เป็นผลมาจากกรด และน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้เยื่อบุหลอดอาหารอักเสบตามมา จะมีอาการท้องอืด จุกเสียดคล้ายโรคกระเพาะ แต่ยังมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น เจ็บคอ กลืนลำบาก รู้สึกเหมือนมีก้อนจุกที่คอ แสบลิ้นเรื้อรัง แสบร้อนบริเวณหน้าอก เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก เสียงแหบ ไอเรื้อรัง หรือบางรายอาจมีอาการหอบหืดร่วมด้วย สาเหตุสำคัญของโรคนี้คือ มีความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร และการบีบตัวของกระเพาะอาหารทำให้อาหารค้างในลำไส้นานกว่าปกติรวมทั้งมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์
การกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1 และ Treg จะส่งผลให้ Th2 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการอักเสบลดลง และการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th17 จะเพิ่มความสามารถของเม็ดเลือดขาวเพชฌฆาตให้จัดการกับเชื้อแบคทีเรีย H. pylori ได้ จึงเป็นวิธีการที่ใช้ลดอาการโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Interleukin 22 ซึ่งหลั่งโดย Th17 จะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหารได้ด้วย ทำให้อาการกรดไหลย้อนลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหาร ที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์แล้วว่าสามารถกระตุ้นการทำงานของ Th1 และ Treg ได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้น Th17 ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่า

7. ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับการดูแล ซีสต์ และเนื้องอกที่มดลูก
ซีสต์ มีองค์ประกอบเป็นของเหลว และมักเกิดในอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่น รังไข่ ท่อรังไข่ หรือปากมดลูก ส่วนความผิดปกติในมดลูกมักเป็นเนื้องอกมากกว่า เนื้องอกของมดลูกมีชนิดธรรมดา และชนิดที่เป็นมะเร็ง  โดยเนื้องอกส่วนใหญ่เกิดจากชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง หรือเกิดจากมีเนื้ออย่างอื่น (เช่น เนื้อเมนส์) แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อ แล้วทำให้กล้ามเนื้อนั้นโตขึ้น
ส่วนซีสต์เป็นถุงน้ำที่เกิดจากเลือดประจำเดือนที่ปกติต้องไหลออกมาทางช่องคลอด แต่กลับไหลย้อนกลับไปฝังตัวในมดลูกหรือผ่านท่อรังไข่ เข้าไปในช่องท้อง และนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย เมื่อเซลล์นี้ไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่นที่อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก ฯลฯ  บริเวณที่พบซีสต์ได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต อาการที่พบคือภาวะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก มีบุตรยาก และเมื่อมีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมา ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกด้วย แต่เมื่อเลือดประจำเดือนออกหมดแล้ว ร่างกายก็จะดูดน้ำจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาลมีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ถุงน้ำช็อกโกแลต"หรือ "ช็อกโกแลตซีสต์"  แต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะยิ่งมีเลือดออกเพิ่มขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น แต่จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนๆ นั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็ว ถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้า ๆ
ทั้งซีสต์และเนื้องอกที่มดลูก เป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกายที่จะต้องถูกกำจัดโดยเม็ดเลือดขาวเพชฌฆาต การกระตุ้น Th1, Th9 และ Th17 จะเพิ่มความสามารถของเม็ดเลือดขาวเพชฌฆาตให้ทำหน้าที่นี้ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยและพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และ บัวบก  จนได้แคปซูลเสริมอาหาร ที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการ-แพทย์แล้วว่าสามารถกระตุ้นการทำงานของ Th1 และ Th9 ได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้น Th17 ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่าอีกด้วย

"การสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุล เป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ"

ติดต่อสอบถาม หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่นี่
คุณศศลักษณ์ อิศรางกูร (ลักษณ์)
รหัสตัวแทน : VB67265

ที่อยู่  :

 2051 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร
 เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120

โทรศัพท์  :
  
 082 249 9498 

Line   :

 @healthyEms (ใส่ @ ข้างหน้าด้วยนะค๊ะ)

E-mail  :

healthyems.in@gmail.com

Website  :
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น